ไทยปลูกต้นนี้ได้แล้วนะ!!! \\\
เว็บมาสเตอร์ |
ถ้าจะกล่าวถึง เกาลัด หลายๆ คนในที่นี้น่าจะนึกไปถึงเยาวราชซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการนำเกาลัดมาคั่วกับทรายขายกันมากมาย แต่ในปัจจุบันเกาลัดหารับประทานได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เพราะเดี๋ยวนี้ตามห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ตามปั๊มน้ำมัน หรือสถานที่ต่างๆ ก็มักจะมีการนำเกาลัดมาคั่วขายกันให้ดาษดื่น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเกาลัดสามารถปลูกได้แล้วในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องรอนำเข้ามาจากประเทศจีน หรือประเทศญี่ปุ่นอย่างแต่ก่อน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนในประเทศของเราต่างก็มีโอกาสได้รับประทานเกาลัดกันมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา เกาลัดได้รับการยกย่องจากชาวจีนว่าเป็นราชาแห่งเมล็ดพันธุ์พืช โดย เกาลัด ที่ปลูกในประเทศไทยนั้นก็สามารถให้ผลผลิตที่ดี อีกทั้งยังปลูกได้ตั้งแต่ภาคเหนือลงมาถึงภาคกลางกันเลยทีเดียว ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นเพราะมีการพัฒนาสายพันธุ์ของเกาลัดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เพื่อเป็นการขยายขีดความสามารถในการปลูกเกาลัดให้มากขึ้นนั่นเอง ผลเกาลัดมีลักษณะค่อนข้างกลม สีเขียว มีขนแหลม เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล วิธีการปลูกต้นเกาลัด สำหรับการปลูก เกาลัด ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือในช่วงฤดูฝน โดยระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 8×8 เมตร แต่ถ้าพื้นที่ลาดเอียงมากก็ให้ใช้ระยะปลูกที่ 6×6 ส่วนขนาดของหลุมให้อยู่ที่ 1x1x1 เมตร แต่ก่อนปลูกต้องมีการปรับปรุงดินแล้วทิ้งไว้ 1-3 เดือน แล้วจึงสามารถทำการปลูกได้ แต่หลังการปลูกหากฝนไม่ตกจะต้องทำการรดน้ำให้กับมันทันที และต้องหาวัสดุมาพลางแสงในช่วงที่ต้นเกาลัดยังไม่ตั้งตัว ในการรับประทานเกาลัดเราจะรับประทานในส่วนของเมล็ดของมันโดยการนำมาคั่ว ในการดูแลรักษานั้น ต้นเกาลัดเป็นพืชที่สามารถทนแล้งได้ดี แต่ถ้าเป็นช่วงที่เริ่มปลูกควรที่จะให้น้ำกับมันอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับการใส่ปุ๋ยก็ควรใส่ปุ๋ยปีละ 3 ครั้ง โดยตั้งแต่ต้นเกาลัดอายุ 4-6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 และเมื่ออายุ 1-3 ปี ให้ใช้สูตรเดิมแต่ให้นำมาผสมกับสูตร 46-0-0 ด้วย ซึ่งปริมาณการใส่ปุ๋ยก็ให้เพิ่มขึ้นตามอายุ พอถึงปีที่ 4 ให้ใช้ปุ๋ยสูตร 12-12-17-2 ผสมกับสูตร 46-0-0 และให้เพิ่มปุ๋ยโปรแตสเซียมคลอไรด์ลงไปด้วย เกาลัดมีรสชาติหวาน มัน และมีความอร่อยมาก มันจึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูง เกาลัดนั้นเมื่อนำมาคั่วจะมีรสชาติหวาน มัน และมีความอร่อยมาก อีกทั้งมันยังเป็นพืชที่มีประโยชน์จนชาวจีนยกให้มันเป็นราชาแห่งเมล็ดพันธุ์พืช เพราะมันเป็นพืชในตระกูลถั่วเปลือกแข็งที่มีไขมันไม่อิ่มตัวและมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้มันยังอุดมไปด้วยวิตามินอีที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์กับร่างกายอีกมาก เพราะฉะนั้นการรับประทานเกาลัดจึงเป็นผลดีกับร่างกาย ซึ่งส่งผลให้เกาลัดเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้การปลูกเกาลัดในประเทศไทยจึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจอีกอาชีพที่ไม่ควรมองข้ามนั่นเอง http://news.thaiarcheep.com/2016/05/blog-post_39.html Link: คลิ๊กที่นี่ |
แสดงความคิดเห็น